วันพุธที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2552

จะใช้รองพื้นอย่างไรให้หน้าสวย

จะใช้รองพื้นอย่างไรให้หน้าสวย • •

เนื่องจากรองพื้น หรือที่ทำเป็นเรียกกิ๊บเก๋เป็นภาษาอังกฤษว่า Foundation นั้น เป็นสิ่งที่อยู่บนผิวหน้าเราตลอดวัน และเป็นสิ่งที่ทำให้การแต่งหน้าทั้งหมดของเรา สวย หรือ โทรม ได้ ถ้ารองพื้นใช้ไม่ดี ไม่เข้ากับผิวต่อให้แต่งสีดีอย่างไรก็เหมือนเอาหน้ากากมาครอบหน้าไว้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การใช้รองพื้นไม่ได้ยากอย่างที่ใครๆคิดกัน ลองมาเริ่มที่ปัญหากันก่อนนะคะ

ปัญหาที่ทำให้รองพื้นเหมือนใส่หน้ากาก
1 เลือกรองพื้นไม่เหมาะสมกับผิว ไม่ว่าจะในแง่ของสี หรือเนื้อของรองพื้น
2 ใช้อุปกรณ์ที่ตนเองไม่ถนัด
3 ตอนแต่งหน้าแต่งในแสงที่ไม่เหมือนแสงธรรมชาติ ซึ่งจะทำให้พอออกไปนอกบ้านแล้วเห็นว่าลงรองพื้นน่ะค่ะ
4 ใจร้อนรีบๆปาดๆๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือคนที่ใช้รองพื้นแบบใหม่คือ จากน้ำ หรือโลชั่น ทาๆไปแล้วกลายเป็นแป้ง รองพื้นแบบนี้ใช้แล้วรีบไม่ได้นะคะ รีบแล้วจะกลายเป็นปื้นๆน่าเกลียด

ข้อ 3-4 แก้ได้ไม่ยาก เรื่องของแสงและเวลา วันนี้วันหยุด ลองนั่งข้างหน้าต่างแสงแดดดีๆ แล้วแต่งแบบไม่รีบร้อนดูนะคะ น่าจะทำได้เนียนดี

ทีนี้ก่อนจะเขียนถึง วิธีใช้รองพื้น ก็ต้องมาดูว่าจะเลือกกันอย่างไร และอุปกรณ์อะไรบ้างที่ควรมี มาเริ่มกันที่รองพื้นก่อนก็แล้วกันนะคะ

ชนิดของรองพื้นแบบต่างๆ และความเหมาะสมกับผิวแต่ละประเภท
รองพื้นแบ่งคร่าวๆเป็น 3 กลุ่ม (ตำรารำเพยเองนะคะ คนอื่นอาจจะแยกเป็น 5 หรือ 6 ชนิด แต่รำเพยว่ามันเยอะไป แค่ 3 กลุ่มก็พอ)
1 รองพื้นน้ำ แบ่งย่อยเป็นสองชนิดคร่าวๆ
-มีทั้งแบบที่ไม่ปกปิดมากเท่าไหร่ และเป็นแค่ครีมบำรุงผสมรองพื้น (tinted moisturizer)
• เหมาะกับผิวแบบไหน: - ผิวธรรมดาถึงผิวแห้ง และควรเป็นคนที่ผิวค่อนข้างสวยแบบฉันจะอวดผิว ว่างั้นเถอะ
• จุดประสงค์: - ทำให้ผิวสีเท่ากันโดยไม่ได้ปกปิดอะไรมากมาย
• เครื่องมือที่เหมาะสม: - มือค่ะมือสะอาดๆ

-แบบที่เป็นรองพื้นปกปิดได้มากหน่อย แต่ก็ไม่มากเท่าแบบครีม ก็คือ รองพื้นน้ำแบบปกติ (liquid foundation)
• เหมาะกับผิวแบบไหน: - ผิวธรรมดา และผิวผสม ใครๆก็ใช้ได้ ถ้าผิวมันก็ให้มองหารองพื้นชนิดนี้แหละค่ะ แต่ว่าให้ใช้แบบ oil-free นะคะ เพราะว่ามันน้อยหน่อย และเนื้อรองพื้นกำลังเหมาะกับคนผิวมัน รองพื้นแบบนี้จะปกปิดมากขึ้นมาหน่อยเมื่อเทียบกับมอสเจอร์ไรเซอร์ผสมรอง พื้น
• จุดประสงค์: - ต้องการการปกปิดเล็กน้อยถึงปานกลางและจะทำให้ผิวเนียนเป็นครีมๆ แบบsatin finish
• เครื่องมือที่เหมาะสม: -แปรงทารองพื้น หรือฟองน้ำก็ได้ค่ะ ถ้าเอาทำให้เปียกน้ำนิดๆ ผลที่ได้ออกมาจะทำให้รองพื้นบางเบาลงไปอีก แต่ว่าอย่าลืมว่ารองพื้นบางเบาลงก็จะปกปิดได้น้อยลงนะคะ ถ้าใครถนัดมือก็ได้เหมือนกัน แต่ว่าอาจจะได้ออกมาแล้วหนาไปสักนิด




2 รองพื้นแบบครีม แบ่งย่อยเป็นสองชนิดตามความเข้มข้นของตัวรองพื้น
-แบบมาในตลับ หรือ cream compact foundation
• เหมาะกับผิวแบบไหน: - ผิวธรรมดา ค่อนข้างแห้ง หรือว่าคนที่อยู่ในประเทศที่อากาศแห้งๆ
• จุดประสงค์: - ใช้ปกปิดสำหรับผิวที่ต้องการการปกปิดปานกลาง เวลาทาเสร็จแล้วจะได้ dewy finish หน้าเนียนๆฉ่ำนิดๆ ถ้าทาแป้งทับก็จะได้หน้าแบบ matte
• เครื่องมือที่เหมาะสม: - ฟองน้ำ หรือแปรงทารองพื้นค่ะ

-แบบที่มาเป็นแท่งๆ หรือ Stick foundation
• เหมาะกับผิวแบบไหน: - ผิวธรรมดาค่อนข้างแห้ง หรือผิวแห้ง
• จุดประสงค์: - สามารถใช้เป็นคอนซีลเลอร์ได้ด้วย ปกปิดมากกว่าแบบอื่นๆ ทาแล้วได้ผลเป็น dewy finish หรือ matte แล้วแต่ว่าจะทาแป้งทับหรือไม่
• เครื่องมือที่เหมาะสม: - ฟองน้ำ, แปรงทารองพื้น, แปรงทารองพื้นขนาดเล็ก (เอาไว้ใช้แทนคอนซีลเลอร์ได้นี่นา) และมือค่ะ แต่ว่ามือจะใช้เมื่อรองพื้นลงไปอยู่บนหน้าแล้วก็จะเอามือเกลี่ยนั่นแหละ


3 รองพื้นแบบแป้ง และแบบผสม
-รองพื้นแบบแป้ง หรือ Powder foundation
• เหมาะกับผิวแบบไหน: - ใช้ได้กับผิวทุกประเภท แต่ว่าคนผิวแห้งมากใช้ไปแล้วอาจจะทำให้ผิวดูยิ่งแห้งหนักเข้าไปอีก ใช้น้อยๆอย่าทาหลายชั้นก็จะไม่เป็นไรค่ะ
• จุดประสงค์: - แป้งผสมรองพื้นใช้ได้ง่าย ใช้ได้สะดวก ใครๆก็ใช้ได้ไม่ต้องอาศัยฝีมือเลย ข้อดีคือปกปิดได้ค่อนข้างมาก แต่ถ้าทามากไปอาจจะดูหนาไปได้ และสีมันจะค่อนข้าง flat (แบนๆน่ะค่ะ) ไม่มีมิติ
• เครื่องมือที่เหมาะสม: - ฟองน้ำ หรือแปรงปัดแป้ง (ไม่ใช่แปรงทารองพื้นนะคะ)

-รองพื้นแบบผสม หรือรองพื้นแบบใหม่ที่ จากครีมเป็นแป้งน่ะค่ะ cream to powder foundation
• เหมาะกับผิวแบบไหน: - ใช้ได้กับทุกผิว
• จุดประสงค์: - สะดวกใช้ได้ง่ายในยามรีบเร่ง แต่ว่าข้อดีข้อเสียก็เหมือนแบบแป้งผสมรองพื้นเลยค่ะ และสีไม่ค่อยมีมิติ ที่แย่กว่าแบบแป้งผสมรองพื้นก็คือ รองพื้นแบบ cream to powder ซึ่งควรจะทาได้ง่ายน่ะ จริงๆแล้วไม่ง่ายอย่างที่คิดและก็รีบๆทาไม่ได้ด้วยค่ะ เนื่องจากยิ่งรีบยิ่งเป็นปื้นๆ
• เครื่องมือที่เหมาะสม: - ฟองน้ำ, แปรงทารองพื้น, และนิ้วที่สะอาดเนียนนิ่มๆ

มาถึงตอนนี้คงเริ่มจะมึน ลองย้อนไปดูในรูปดีกว่าค่ะ จะได้แบ่งได้คร่าวๆเป็นสามกลุ่มใหญ่ๆแบบในรูปนะคะ


ปัญหาปกติที่พบมากคือ รองพื้นที่ซื้อมาตอนลองที่ห้างก็ตรงกับผิวดี พอกลับมาบ้านอ้าวไหงสีไม่ตรงกับหน้า

วิธี แก้ก็ง่ายๆค่ะตอนซื้อรองพื้น อย่าเพิ่งซื้อเพราะบีเอบังคับ ให้บีเอลองรองพื้นให้สักสี่สี ข้างละสองสี ตรงบริเวณกราม บอกว่าไม่ต้องทาทั้งหน้าหรอก แค่ลองสักสองสีต่อข้าง หรือว่าแก้มข้างละสีก็ได้ แต่ว่าแค่ทาตรงกรามน่ะ (แบบในรูป) แล้วเดินไปตรงที่มีแดดมากสักหน่อย ใกล้หน้าต่าง หรือออกมานอกห้างเลยได้ยิ่งดี แล้วดูว่าสีไหนเข้ากับผิว ที่ทาแล้วไม่มีรอยต่อ ทาแล้วกลืนไปกับสีผิวเลย ยิ่งหาไม่เจอยิ่งดี เพราะนั่นคือสีตรงกับผิวที่สุด แล้วก็เอาสีนั้นแหละค่ะ ถึงแม้ว่าเข้าไปในห้างแล้วสีจะเพี้ยนไป แต่ให้คิดเสมอว่าพอเรากลับบ้านไปแล้ว แสงไฟมันไม่ใช่แสงไฟในห้างนะ แล้วในชีวิตประจำวัน ไฟก็ไม่ได้เหมือนในห้างสักหน่อย ดังนั้นต้องเลือกรองพื้นสีให้ตรงกับผิวค่ะและอย่าลองรองพื้นที่มือ ลองที่คาง หรือกรามค่ะ

ก่อนจะซื้อรองพื้น ควรคำนึงถึงหลักง่ายๆไว้ในใจ
• ผิวเราเป็นอย่างไร มีรอยมากไหม “จำเป็นต้อง” ใช้รองพื้นแบบปกปิดมากจริงๆเหรอ หรือว่าที่จริงแค่ tinted moisturizer ก็พอแล้ว
• คุณชอบแต่งหน้าแบบไหน แบบ dewy finish หรือว่าแบบ matte finish
• ซื้อรองพื้น, คอนซีลเลอร์, และแป้ง สีที่ซื้อต้องตรงกับสีผิว ดังนั้นรองพื้นของถูกๆถ้าลองไม่ได้ก็ถือว่าค่อนข้างเสี่ยง เพราะว่าของถูกที่มาในห่อปิดสนิท ซื้อมาแกะที่บ้านสีไม่ตรงกับผิวจริงๆ เสียเงินเปล่า ลองคิดดูง่ายๆนะคะ 300 บาท แต่ว่าถ้าไม่ตรงกับผิวกลับไปซื้ออีก เสียอีก 300 บาท ฮ่วย ไม่ตรงอีกแล้ว กลับไปซื้ออีกยี่ห้อ อีก 300 บาท ไปๆมาๆ มันกลายเป็นเสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่ายไป ทีละนิดทีละหน่อยแต่ไม่ได้เรื่อง สู้ซื้อรองพื้น, คอนซีลเลอร์ และแป้งดีๆไปเลยดีกว่า ของดีไม่จำเป็นต้องแพง แต่ว่าต้องให้ได้สีตรงกับผิวจริงๆและเหมาะกับความต้องการของเราจริงๆ เนื่องจากสามอย่างนี่เป็นเครื่องสำอางที่ทำให้หน้าดูดี หรือ ดับ ได้เลย ถ้าทาแล้วสีเพี้ยนก็ตลกไปเลยน่ะ


อุปกรณ์ที่ควรมี
รำเพยใช้ คำว่าควรมี เพราะว่าแต่ละคนอาจจะถนัดของไม่เหมือนกัน ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นที่ต้องซื้อทุกอย่าง เพียงแต่ว่าบอกไว้คร่าวๆว่าควรมีอะไรบ้างเท่านั้นค่ะ ควรเลือกใช้ตามความถนัดของตนนะคะ
1 ฟองน้ำเกลี่ยรองพื้น
2 แปรงทารองพื้น ควรเป็นขนสังเคราะห์เพราะว่าจะได้เรียบไม่มีรองพื้นเกาะอยู่ในขน ขนแท้ๆจะมีเกล็ดผมค่ะ เหมาะกับแป้ง หรือ รองพื้นแบบแป้ง ส่วนขนสังเคราะห์เหมาะกับรองพื้นน้ำ และ ครีม
3 แปรงขนาดเล็กขนสังเคราะห์ บางทีคนก็ชอบบอกว่า เอาแปรงทาคอนซีลเลอร์มาใช้ไม่ได้นะ ต้องมีแปรงแยกต่างหากไม่งั้นทาแล้วไม่สวยไม่ดี ไม่ต้องค่ะ ไม่ต้องแยก เปลือง แปรงขนาดเล็กขนสังเคราะห์นี่เอาแปรงตามร้านทาสียังได้เลย แต่ว่าหาแบบชนิดดีๆหน่อยนะคะ แบบที่ขนแปรงเรียงกันดีๆน่ะ ซื้อตามร้านขายอุปกรณ์วาดเขียนก็ได้ค่ะ แต่เลือกขนแปรงให้เรียงตัวดีๆหน่อยแค่นั้นแหละ
4 แป้งปัดแป้งฝุ่น “ต้อง” เป็นขนสัตว์แท้ๆเท่านั้น
5 อันนี้สำคัญสุด บางทีไม่มีแปรงไม่มีฟองน้ำ ก็ยังแต่งให้รองพื้นเรียบได้ มือที่สะอาดๆ เล็บไม่ยาว


อุปกรณ์อีกสองอย่างที่ ควรมีคือ
1 Moisturizer
2 Concealer จะเอาแบบไหนก็เลือกเอาค่ะ แบบน้ำ แบบครีม แบบแห้ง แบบแข็ง ตามสะดวกค่ะเนื้ออ่อนใช้ง่ายได้แต่ปกปิดน้อยกว่าเมื่อเทียบกับเนื้อแข็ง หน่อยคล้ายๆรองพื้นนั่นแหละ หลักง่ายๆ สีตรงกับผิวถ้าใช้บริเวณหน้า ถ้าทาใต้ตาให้เลือกสีอ่อนลงนิดนึง หรือใช้สีเดียวกับผิวก็ได้ และถ้าเป็นแผลรอยสิวแดงๆก็ใช้ corrector concealer สีเขียว ถ้ารอยดำก็ใช้สีเหลือง..........แต่ง่ายสุดน่ะ อย่าคิดมาก เอาสีให้ตรงกับหน้าพอดิบพอดีนั่นแหละ หมดเรื่องไป
ทีนี้วิธีลงรองพื้น
โดนรำเพยหลอกให้อ่านมาตั้งนาน หารู้ไม่ว่าการลงรองพื้นมันไม่ได้ยุ่งยากสักหน่อย ถ้ามีรองพื้นที่สีตรงกับหน้า, มีอุปกรณ์ที่เหมาะสม, มีคอนซีลเลอร์ (ถ้าต้องใช้), มีเวลา, และมีแสงแบบที่เหมือนแสงธรรมชาติ มันก็ไม่ยากหรอกค่ะที่จะทำให้ทาแล้วสีเนียนเข้ากับหน้า

ขั้นที่ 1 สำรวจผิวหน้าตัวเองดูนะคะ ว่าต้องการใช้รองพื้นจริงๆ หรือว่าแค่ tinted moisturizer ก็พอแล้ว ทำให้ผิวดูสีเท่ากันโดยไม่ได้ต้องปกปิดอะไรมากมาย ถ้าผิวไม่มีรอย หรือผิวดีๆ แต่ต้องการทำให้ดูผิวสะอาดเรียบเนี้ยบ หรือที่ฝรั่งเรียกว่า polished look ก็ ทาtinted moisturizer แล้วลงแป้งฝุ่นทับก็พอ ไม่ต้องทำอะไรอีกก็จะสวยแบบเหมือนไม่แต่งหน้าแล้วค่ะ

* เคล็ดลับ....สำหรับคนผิวสวยอยู่แล้วแต่ไม่มี tinted moisturizer มีแต่รองพื้น ไม่ต้องวิ่งออกไปหาซื้อ tinted moisturizer มาค่ะ ใช้รองพื้นของคุณนั่นแหละ ผสมลงไปในมอสเจอร์ไรเซอร์ที่มี (รำเพยชอบผสมรองพื้นลงไปใน Strobe cream ของ MAC ทำออกมาแล้วสีสวยดี ไม่ได้ปกปิดอะไรแค่ปรับสีผิวหน้าเฉยๆ)



ขั้นที่ 2ก่อนลงรองพื้นก็ต้องทำให้แน่ใจว่า ผิวพร้อมที่จะทารองพื้น ล้างให้สะอาด และทามอสเจอร์ไรเซอร์บางๆสำหรับคนผิวธรรมดาถึงผิวแห้ง ส่วนคนผิวมันจะทา mattifying moisturizer หรือ oil free moisturizer ก็แล้วแต่สะดวกค่ะ

ขั้นที่ 3 พิจารณาผิวดูอีกสักหน่อย ผิวมีรอยที่ต้องการปกปิดก็จริง แต่ว่าอาจจะแค่คอนซีลเลอร์ปิดเฉพาะจุดแล้วเกลี่ยด้วยแปรงขนาดเล็ก (ดูรูปในส่วนของแปรงนะคะ) หรือถ้าไม่มีคอนซีลเลอร์แต่ว่ามีรองพื้นแบบแท่ง (stick foundation) ก็ใช้ลองย้ำไปสองหนแทนคอนซีลเลอร์ได้ค่ะ แล้วเอานิ้วแตะๆเบาๆ มองกระจก ถ้าดูเนียนเข้ากันดีก็ไม่ต้องทารองพื้นไงคะ เสร็จแล้วทาแป้งฝุ่นทับ ผิวก็สวยแบบเหมือนไม่แต่งหน้าแล้ว เนียนเรียบไม่ต้องใช้รองพื้นก็ได้ (รำเพยใช้วิธีนี้ประจำวันน่ะค่ะ คอนซีลเลอร์ที่ใช้ปกติจะสลับกันระหว่าง Becca concealer, Laura Mercier Secret Concealer หรือ Laura Mercier Secret Camoflage)
ขั้นที่ 4 ถ้าอ่านผ่านมา 3 ข้อบนแล้วยังคิดว่าตัวเองต้องการลงรองพื้นจริงๆ ก็เอาค่ะ ได้ๆ เอาไงเอากันว่าไงว่าด้วย
หลัง จากลงมอสเจอร์ไรเซอร์แล้ว........พิจารณาผิวแล้วว่าลงแค่ concealer เฉยๆไม่พอแน่ๆ ทำยังไงดีหว่าจะลงรองพื้นให้ไม่เหมือนเอาหน้ากากมาโปะหน้า ในที่นี้รำเพยขอยกเว้น powder foundation และ cream to powder foundation นะคะ เพราะว่าสองแบบนั้นค่อนข้างจะตรงๆตัว ทำอะไรมากไม่ได้ คือทาด้วยความระวังค่อยๆทาก่อนที่มันจะแห้ง (cream to powder) แค่นั้นน่ะค่ะ ทำได้แค่นั้นในการป้องกันไม่ให้เป็นปื้นๆคราบๆเพราะว่ารีบเร่งทา ส่วน powder foundation ถ้าต้องการทาให้เนียนๆก็ทำได้แค่ทาด้วยฟองน้ำแล้วเอาฟองน้ำกดเบาๆ จากนั้นเอาแปรงปัดแป้ง ปัดส่วนเกินออก ...หรือ แทนที่จะใช้ฟองน้ำ ก็ใช้แปรงปัดแป้งทาแทน ทำได้เพียงเท่านั้นค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น